มะม่วงเขียวสามรส มะม่วงกิมหงส์รสชาติหวานมันอมเปรี้ยวจากไต้หวัน
มะม่วงเขียวสามรส หรือ มะม่วงกิมหงส์ เป็นมะม่วงพันธุ์ดีจากไต้หวัน มีรสชาติหวานมันอมเปรี้ยวเล็กน้อย เนื้อแน่นกรอบ อร่อยทั้งดิบและสุก ปลูกง่าย ติดผลดกทั้งปี ปัจจุบันเป็นมะม่วงพันธุ์ยอดนิยมในประเทศไทย สามารถพบเห็นได้ทั่วไปตามตลาดและสวนผลไม้
มะม่วงเขียวสามรสเป็นมะม่วงที่ปลูกง่าย สามารถปลูกได้ในทุกสภาพดิน แต่จะเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนระบายน้ำได้ดี ต้องการแสงแดดเต็มวัน ควรปลูกในช่วงต้นฤดูฝน ขุดหลุมปลูกขนาด 60x60x60 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักรองก้นหลุม จากนั้นวางกิ่งพันธุ์ลงในหลุมแล้วกลบดินให้แน่น รดน้ำให้ชุ่ม
มะม่วงเขียวสามรสเป็นมะม่วงที่ติดผลดกตลอดทั้งปี ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่ต้นกำลังติดผล ปุ๋ยที่ใช้บำรุงมะม่วงเขียวสามรสควรใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 หรือสูตร 16-16-16 ในช่วงต้นฤดูฝน เดือนละครั้ง ครั้งละ 1-2 กิโลกรัม และใส่ปุ๋ยสูตรเร่งดอก 8-24-24 ในช่วงที่ต้นกำลังออกดอก เดือนละครั้ง ครั้งละ 1-2 กิโลกรัม
มะม่วงเขียวสามรสเป็นมะม่วงที่มีรสชาติอร่อย มะม่วงสามรส รสชาติ รับประทานได้ทั้งดิบและสุก ปลูกง่าย ติดผลดกตลอดทั้งปี จึงได้รับความนิยมปลูกในประเทศไทย
ที่มาของมะม่วงเขียวสามรส
มะม่วงสามรส คือ มีถิ่นกำเนิดเดิมจากประเทศไต้หวัน ได้รับการพัฒนาโดยสถาบันวิจัยการเกษตรไต้หวัน (Taiwan Agricultural Research Institute) ในปี 1990 โดยเป็นการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างมะม่วงพันธุ์เขียวเสวยกับมะม่วงพันธุ์น้ำดอกไม้ มะม่วงเขียวสามรสเข้ามาปลูกในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อประมาณปี 2540 ปัจจุบันมะม่วงเขียวสามรสเป็นมะม่วงพันธุ์ยอดนิยมในประเทศไทย สามารถพบเห็นได้ทั่วไปตามตลาดและสวนผลไม้
มะม่วงเขียวสามรสได้รับชื่อนี้เพราะผลมะม่วงมีรสชาติหวานมันอมเปรี้ยวเล็กน้อย คล้ายกับมะม่วงเขียวเสวย แต่มีรสชาติเปรี้ยวมากกว่าเล็กน้อย มะม่วงเขียวสามรสเป็นมะม่วงที่มีเนื้อแน่นกรอบ รับประทานได้ทั้งดิบและสุก นิยมรับประทานดิบคู่กับข้าวเหนียวและน้ำตาลปิ๊ก หรือรับประทานสุกเปล่าๆ หรือนำไปทำของหวานต่างๆ เช่น สลัดมะม่วง ไอศกรีมมะม่วง เค้กมะม่วง
ลักษณะและประโยชน์ของมะม่วงเขียวสามรส
ลักษณะของมะม่วงเขียวสามรส
มะม่วงเขียวสามรสเป็นมะม่วงทรงกลมรี ผลมีขนาดใหญ่ น้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 1-2 กิโลกรัม ผิวผลสีเขียวเข้ม เมื่อสุกแล้วผิวผลจะเป็นสีเหลืองทอง เนื้อผลสีเหลือง เนื้อแน่นกรอบ รสชาติหวานมันอมเปรี้ยวเล็กน้อย เมล็ดเล็ก
ประโยชน์ของมะม่วงเขียวสามรส
มะม่วงเขียวสามรสอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ เช่น วิตามินซี วิตามินเอ โพแทสเซียม และแมกนีเซียม ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการ ดังนี้
- ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
- ช่วยบำรุงผิวพรรณ
- ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ช่วยลดความดันโลหิต
- ช่วยระบบขับถ่าย
วิธีรับประทานมะม่วงเขียวสามรส
มะม่วงเขียวสามรสสามารถรับประทานได้ทั้งดิบและสุก เมื่อรับประทานดิบ มะม่วงเขียวสามรสจะมีรสชาติเปรี้ยวอมหวานเล็กน้อย นิยมรับประทานคู่กับข้าวเหนียวและน้ำตาลปิ๊ก เมื่อรับประทานสุก มะม่วงเขียวสามรสจะมีรสชาติหวานมัน เนื้อนุ่ม รับประทานเปล่าๆ หรือนำไปทำของหวานต่างๆ เช่น สลัดมะม่วง ไอศกรีมมะม่วง เค้กมะม่วง
การปลูกมะม่วงเขียวสามรสและการดูแลมะม่วงเขียวสามรส
มะม่วงเขียวสามรสเป็นมะม่วงที่ปลูกง่าย สามารถปลูกได้ในทุกสภาพดิน แต่จะเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนระบายน้ำได้ดี ต้องการแสงแดดเต็มวัน ควรปลูกในช่วงต้นฤดูฝน ขุดหลุมปลูกขนาด 60x60x60 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักรองก้นหลุม จากนั้นวางกิ่งพันธุ์ลงในหลุมแล้วกลบดินให้แน่น รดน้ำให้ชุ่ม
การดูแลมะม่วงเขียวสามรส
มะม่วงเขียวสามรสเป็นมะม่วงที่ติดผลดกตลอดทั้งปี ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่ต้นกำลังติดผล ปุ๋ยที่ใช้บำรุงมะม่วงเขียวสามรสควรใช้ปุ๋ยสูตร มะม่วงเขียวสามรสเป็นมะม่วงที่ปลูกง่าย แต่การดูแลที่เหมาะสมจะช่วยให้มะม่วงเจริญเติบโตและให้ผลผลิตได้ดียิ่งขึ้น วิธีการดูแลมะม่วงเขียวสามรสเพิ่มเติม มีดังนี้
- การใส่ปุ๋ย
มะม่วงเขียวสามรสต้องการปุ๋ยเพื่อบำรุงต้นและผลให้เจริญเติบโตได้ดี ควรใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 หรือสูตร 16-16-16 ในช่วงต้นฤดูฝน เดือนละครั้ง ครั้งละ 1-2 กิโลกรัม และใส่ปุ๋ยสูตรเร่งดอก 8-24-24 ในช่วงที่ต้นกำลังออกดอก เดือนละครั้ง ครั้งละ 1-2 กิโลกรัม
- การกำจัดวัชพืช
ควรกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นมะม่วงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้วัชพืชแย่งอาหารและน้ำจากต้นมะม่วง
- การพรวนดิน
ควรพรวนดินบริเวณโคนต้นมะม่วงอย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อช่วยให้ดินร่วนซุยและระบายน้ำได้ดี
- การตัดแต่งกิ่ง
ควรตัดแต่งกิ่งมะม่วงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้กิ่งหนาแน่นจนเกินไปและช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ดี การตัดแต่งกิ่งควรตัดกิ่งแห้ง กิ่งเป็นโรค กิ่งที่เป็นโรคและแมลงรบกวน และกิ่งที่ขวางทางออกของผล
- การจับจั่น
การจับจั่นเป็นการช่วยควบคุมการติดผลของมะม่วง ช่วยให้มะม่วงติดผลดกและผลมีคุณภาพดียิ่งขึ้น การจับจั่นควรทำในช่วงที่มะม่วงเริ่มออกดอก โดยตัดช่อดอกทิ้งทั้งหมดเหลือไว้เพียง 1-2 ช่อต่อกิ่ง
- การฉีดพ่นยาป้องกันกำจัดศัตรูพืช
ควรฉีดพ่นยาป้องกันกำจัดศัตรูพืชอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้ศัตรูพืชเข้ามาทำลายต้นมะม่วง ศัตรูพืชที่พบบ่อยในมะม่วง ได้แก่ เพลี้ยแป้ง เพลี้ยไฟ แมลงหวี่ขาว โรคราแป้ง โรคใบจุด โรคใบไหม้